เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

27/10/2558 | 2,627



งาน คือ ที่มาของรายได้เพื่อนำไปใช้จ่ายสำหรับปัจจัยสี่ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิต ลักษณะการจ้างงานมีรูปแบบแตกต่างกันออกไป เช่น พนักงานประจำ , พนักงานชั่วคราว , พนักงานสัญญาจ้าง , พนักงานฝึกหัด , การจ้างไปทำงานต่างบริษัท ฯลฯ ซึ่งทุกรูปแบบต่างก็ต้องมีการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานสม่ำเสมอ


การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้องค์กรประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ ซึ่งจะส่งผลดีโดยรวมให้กับองค์กรรวมถึงบุคลากรในองค์กรด้วยเป็นการสร้างความแข็งแกร่งและเข้มแข็ง โดยผลสำเร็จเหล่านั้นจะตอบแทนกลับมาให้กับบุคลากรได้ในหลายทาง เช่น ตำแหน่งงานที่สูงขึ้น , รายได้ที่สูงขึ้น , มาตรฐานการทำงานที่สูงขึ้น , พบเจอกับสังคมใหม่ๆมากขึ้นและกว้างขวางขึ้น อีกทั้งยังพาองค์กรทยานสู่ความเป็นเลิศมากขึ้น การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นอาศัยเทคนิคหลายอย่างเป็นตัวนำไปสู่เป้าหมาย คือ ความสำเร็จขององค์กร ได้แก่


  • 1. มีเป้าหมายในการทำงานชัดเจน การกำหนดเป้าหมายเป็นการวางแผนและกำหนดทิศทางการเดินทางของงานให้มีรูปแบบและขอบเขตที่ชัดเจน การวางเป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลาง เป้าหมายระยะยาวและเดินตามเป้าหมายที่กำหนดไว้จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลได้ง่าย

  • 2. พัฒนาความรู้สม่ำเสมอ คนที่รู้จักการปรับปรุงตัวเองเสมอ คือ บุคคลที่น่ายกย่อง เพราะพวกเขาจะพยายามหาข้อบกพร่องในการทำงานของตนเองและลบจุดบกพร่องนั้นตลอดเวลา การพัฒนาความรู้จะช่วยให้เขามีประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น ช่วยให้มีโลกทัศน์กว้างไกล ไม่ติดอยู่เพียงในกรอบแคบๆที่เคยได้เรียนรู้ การพัฒนาความรู้ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วยการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ความคิดสร้างสรรค์และจินตนการจะช่วยให้องค์กรสามารถอยู่รอดได้ในสภาพการณ์แข่งขันในปัจจุบัน

  • 3. การบริหารเวลา เพราะเวลาคือสิ่งมีค่าที่ทุกคนมีเท่ากันหมด หากเราเคยลองสังเกตคนรอบข้างและทำการเปรียบเทียบบุคคล 2 คนที่มีเวลาเท่ากันแต่กลับมีปริมาณงานที่ออกมาแตกต่างกันเนื่องจากบุคคลทั้ง 2 มีการบริหารเวลาที่แตกต่างกัน ดังนั้น การบริหารเวลาที่ดีจะช่วยให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาที่กำหนด เทคนิคการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การกำหนดตารางเวลาในการทำงาน , การจดบันทึกประชุมหรือการนัดสำคัญๆเพื่อช่วยเตือนความจำ , การลำดับความสำคัญของงาน , การใช้เครื่องมือสื่อสารหรือเครื่องมือเทคโนโลยีในการสั่งและติดตามงาน , การกำหนดเส้นตายของงาน , หลีกเลี่ยงการผัดวันประกันพรุ่ง เป็นต้น

  • 4. การกระตุ้นตนเอง เป็นการสสร้างแรงจูงใจให้กับตนเองให้มีความเชื่อ ความรักและความศรัทธาในงานที่ทำอยู่ โดยเราคือส่วนหนึ่งขององค์กร เป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้องค์กรประสบความสำเร็จได้

  • 5. ทีมเวิร์ค เพราะบุคลากรที่แข็งแกร่งคือทรัพยากรสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จ การมีความรักและสามัคคีให้กับทีมหรือผู้ร่วมงาน จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพเนื่องจากบุคลากรมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน มีการยอมรับระหว่างกัน มีความรักในทีม สิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดการทำงานเป็นทีมที่มีคุณภาพและช่วยให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยความสุข

  • 6. จงลงมือปฏิบัติมากกว่าการพูด การปฏิบัติลงมือคือตัวที่ก่อให้เกิดเนื้องานได้อย่างแท้จริง การพุดมากกว่าทำส่งผลเสียให้กับตนเองมากกว่าผลดี เนื่องจากในความเป็นจริง คนที่พูดมาก พูดเก่ง มักจะปฏิบัติน้อย อีกทั้งคนที่พูดมากและยังพูดในสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ยังก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในองค์กร ดังนั้น จงพูดให้น้อยและลงมือปฏิบัติให้มาก


เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ หากคุณนั้นเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นบุคลากรคุณภาพ ซึ่งผลลัพธ์จากการใส่ใจในอาชีพเหล่านี้จะช่วยส่งผลให้กับตัวคุณเองให้มีความก้าวหน้าด้านอาชีพการงานในที่สุด


บทความอื่นๆ

Top